วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประวัติ T.MILLS






     



Travis Tatum Mills  ชื่อจริงของหนุ่มคนนี้ หรือ T. Million ชื่อนี้เป็นที่เรียกติดปากของเหล่าบรรดานางแฟนคลับของเฮีย แต่ทุกคนในบอร์ดนี้คงจะรู้จักหนุ่มคนนี้ในชื่อ T. Mills  ระยะหลังมานี้เฮียเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของคนในบอร์ดเพิ่มมากขึ้น

ประวัติของเฮียคร่าวๆเนาะ วันเกิดเฮียคือ 12 เมษายน 1989  ตอนนี้ก็ประมาณ 21 ปี  ต่อมาทุกคนก็เริ่มรู้จักเขาในชื่อ T. Mills 
เป็นศิลปินชาว ฮิป-ฮอป อเมริกาใน ริเวอร์ไซด์  แคลิฟอร์เนีย  อาชีพของเฮียเริ่มจากการที่เขาได้เขียนเพลงอยู่ในห้องนอนของเขา
เอง..

                         
                                   










เฮียเริ่มทำเพลงโดยการใช้อุปกรณ์ซอฟแวร์ เช่น Pro Tools, Logic and Reason ต่างๆด้วยตัวเอง แล้วเริ่มปล่อยเพลงของตัวเองลงบนโลกออนไลน์

ซึ่งทำให้เฮียไปถึงจุดจุดหนึ่ง คือ การทัวร์คอนเสิร์ท  2009 Vans Warped Tour ในเวที Babycakes  ในวัน  June 26, 2009  หลังจากที่เฮียการแสดงสดของเฮีย
เป็นที่ชื่นชอบ เฮียก็ได้เซนต์สัญญาร่วมกับค่าย Uprising Records และเปิดตัวกับ Finders Keepers EP เมื่อ 14 กรกฎาคม 2009


และเปิดตัวอัลบั้ม Fire, Aim!  เมื่อ 28 กันยายน 2010  ก่อนหน้าที่จะเปิดตัวอัลบั้ม เขาก็ได้ปล่อยวิดีโอสำหรับเพลง "Stupid Boy"เป็นเพลงแรก
ซึ่งมีผู้ผลิตคือ Khris Lorenz และได้มีฉายรอบปฐมทัศน์ใน MySpace เมื่อ 13 กรกฎาคม 2010  (http://www.myspace.com/tmills)




และอัลบั้มที่ 2 ของเฮียที่ปล่อยออกมาก็คือ "  Leaving Home "  ซึ่งจากที่ปล่อยอัลบั้มนี้ออกมาแล้วทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าแฟนคลับเฮียมากขึ้นเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน



และมีทัวร์คอนเสิร์ทต่างๆมากมายในหลายประเทศ และมี Fanpage ใน Facebook เป็นจำนวนมากเช่นกัน ล่าสุดในคอนเสิร์ทที่ New York เฮียก็ได้
นำเพลงใหม่ลาสสุด "Boom" ออกมาให้แฟนคลับได้ฟังกัน!!




                      

                      

                      

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

          สเกตบอร์ด (กีฬา)

 


สเกตบอร์ด (อังกฤษ: Skateboarding) เป็นกีฬาประเภทเอ็กซ์เกมประเภทหนึ่ง ในช่วงทศวรรษที่ 80 กีฬาสเกตบอร์ดได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
การแข่งขันสเกตบอร์ดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เวิร์ต (Vert) เป็นการเล่นตามแลมป์ใหญ่ ๆ และ อีกประเภทคือแบบผาดโผน จะเป็นแนวแบบสตรีท คือแสดงโชว์ท่าทางกระโดดข้ามและผ่านสิ่งกีดขวาง ในขณะเดียวกัน ยังต้องแสดงท่าทางต่างๆ เช่น ท่า five-o-grinds , ท่า 360's ,ท่า fifty-fifty และอีกหลายให้เข้าตากรรมการชม

ประวัติ

เริ่มจากแถบแคลิฟอร์เนีย นักเล่นเซิร์ฟได้ลองใช้ถนนที่เป็นลอน แทนคลื่นในทะเลในยามไม่มีคลื่น ตั้งแต่ 1950 กีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาแท้ๆ ที่นิยมกันมากของชาวอเมริกา แต่เมื่ออินไลน์สเกตและ BMX เป็นที่นิยมในช่วงสั้น ๆ ช่วงปลายทศวรรษที่ 50 ดนตรีและภาพยนตร์เกี่ยว กับสเกตบอร์ดเป็นตัวปลุกกระแสการออกแบบเครื่องเล่นให้เหมือนเซิร์ฟบอร์ดและ มีการผลิตเพื่อการค้าครั้งแรกโดยโรลเลอร์ เดอร์บี้ จำหน่ายตามห้างสรรพสินค้าในปี 1959
ว่ากันว่ากีฬาที่เกิดจากอุบัติเหตุเมื่อคันบังคับของรถสกูตเตอร์หักและ เหลือแค่เพียงพื้นติดล้อเท่านั้น ในช่วง 10 ปี ของ ค.ศ. 1960 การเล่นสเกตบอร์ดถูกห้ามเล่นในหลายๆแห่ง จนกลายเป็นกีฬาใต้ดิน
ปี 1960 ได้มีการตีพิมพ์นิตยสารเกี่ยวกับการเล่นสเก็ตฉบับแรกขึ้น รวมทั้งมีการผลิตสเก็ตบอร์ดขึ้นมา ต่อมาในปี 1963 ผู้ผลิตสเกตบอร์ดมา กาฮาได้จัดตั้งทีมสเก็ตบอร์ดเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของตน และได้จัดการแข่งขันสเกตบอร์ดอย่างเป็นทางการครั้งแรกได้รับความอุปถัมภ์จาก มากาฮาในแคลิฟอร์เนีย
ในปี 1973 ได้มีการใช้วงล้อยูรีเทนในการกีฬา ซึ่งทำให้มีความปลอดภัยและคล่องตัวกว่า สเก็ตบอร์ดมีขนาดกว้างมากขึ้น จาก ระยะ 16 ซม.เป็นกว่า 23 ซม.เพื่อให้ความมั่นคงที่ดีกว่า ในการเล่น Vert
การเล่นสเกตบอร์ดสมัยใหม่เกิดขึ้นโดยมีการเล่นแบบต่างๆ เช่น Slalom,ดาวน์ฮิลล์,ฟรีสไตล์ วัฒนธรรมการเล่นสเก็ตบอร์ดเริ่มรวมตัวเข้ากับพวกพังค์ และดนตรีแบบใหม่ อาร์ตเวิร์คและกราฟิกเริ่มมีบทบาทมากในวัฒนธรรมการเล่นสเกตบอร์ด
จนช่วงปลายปี 1970 ลานสเกตบาง แห่งหายไปอันเนื่องจากธุรกิจตกต่ำ การเล่นสเก็ตบอร์ดก็เริ่มตกต่ำอีกเป็นครั้งที่สอง จนการเล่นสเกตบอร์ดก็หายจากวงการ การขี่จักรยานBMX เข้ามาเป็นที่นิยมและนักสเกตส่วนมากก็หยุดเล่นสเก็ตลานสเก็ตก็สูญหายไปแต่มี การสร้างฮาฟว์ไปป์ และแรมป์ยังคงพัฒนาต่อไปอย่างเงียบๆ ด้วยนักขี่จักรยาน BMX
มีการฟื้นฟูการเล่นสเกตบอร์ดโดยใช้แรมป์ที่เป็นไม้อัด ในปี 1980 และการเล่นตามท้องถนนจึงก่อให้เกิดความพยายามในการเล่นด้วยตนเอง นักสเกตเริ่มที่จะสร้างแรมป์สำหรับสเกตที่ทำด้วยไม้เอง บริษัทที่เป็นของนักสเกตเริ่มสร้างอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีมาตรฐานกว่าเดิม เพื่อใช้เล่นท่าให้ได้ดีขึ้น มีนักสเกตเป็นที่รู้จักอย่างโทนี ฮอว์คและสตีฟ แคบเบลเลอโร มีการจัดการแข่งขันโดย The National Skateboarding Association การเล่นสเกตบอร์ด ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมระหว่างประเทศเริ่มจากดนตรีพังก์ร็อก
สเกตบอร์ด แบบ New School กำเนิดขึ้นโดยเน้นไปที่การเล่นท่าพื้นฐาน ออลลี่ และเน้นเล่นท่าทริคต่างๆ ต่อมาการเล่นโรลเลอร์เบรดก็เป็นที่นิยม ต่อมาในปี 1995 ESPN ได้บรรจุกีฬาประเภทนี้ในงานแข่ง Extreme Games (ปัจจุบันคือ X Games) Skateboard เป็นหนึ่งในกีฬาหลักที่ต้องจัดในงาน X Games ประจำปีทุกครั้ง
ปัจจุบัน มีอุตสาหกรรมเกี่ยวกับกีฬาสเกตบอร์ดมากมายเช่น นิตยาสาร สำนักงานออกแบบสนาม ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับสเกต เป็นต้น อุปกรณ์ต่างๆ มีขนาดต่างๆ ก็มีขนาดเพิ่ม-ลดต่างออกไป

ท่าในสเกตบอร์ด

 

ท่า Kickflip
ด้วยการพัฒนาของลานสเกตและทางลาด ตัวสเกตบอร์ดก็เริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลง ในช่วงแรกท่าในการเล่นจะมีลักษณะเป็นสองมิติอย่างการแล่นด้วยสองล้อ การดีดขึ้นในช่วงสองล้อหลัง เรียกว่า "พิว็อต" การกระโดดข้ามราวและลงมาที่บอร์ดอีกครั้ง การกระโดดในระยะยาว (เช่นถังน้ำ) หรือสลาลม
ในปี 1976 การเล่นสเกตบอร์ดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีการคิดค้น "ออลลี่" โดย อลัน ออลลี่ เกลแฟนด์ ซึ่งเป็นท่าที่ได้รับความนิยมในฟลอริดาในช่วงปี 1978 หลังจากที่เขาไปแคลิฟอร์เนียก่อนหน้านั้น ท่าของเกลแฟนด์เริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มนักเล่นสเกตในแถบเวสต์โคสต์ ของอเมริกา และมีสื่อมวลชนได้กระจาย เผยแพร่ไปอีกจนได้รับความนิยมทั่วโลก
ออลลี่ ได้ถูกดัดแปลงท่าในการลงพื้นโดย ร็อดนีย์ มัลเลน ในปี 1982 โดยมัลเลนได้คิดท่า "คิกฟลิป" โดยในช่วงนั้นมีชื่อว่า "แมจิกฟลิป" และจากการคิดค้นท่านี้เองทำให้นักสเกตบอร์ดสามารถเล่นสเกตได้โดยไม่ต้องใช้ อุปกรณ์อื่นนอกเหนือจากตัวสเกตบอร์ดอย่างเดียว และได้พัฒนาสู่ท่าการเล่นอื่นตามมา

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

R.I.P Mitch Lucker



R.I.P  Mitch Lucker.




                                                               

    

 Mitch Lucker นักร้องนำวง Suicide Silence เสียชีวิตแล้วจากอุบัติเหตุมอเตอร์ไซร์   
              
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ 

R.I.P. Mitch Lucker, Singer Of Suicide Silence, Dies At Age 28 





      

           รู้สึกว่าจะเสียชีวิตคาชุดนี้เลยครับ  

เขาจะเป็นที่รู้จักของ คนที่ชอบเสฟเพลง Rock Metal สาย Death 

นะครับ อยู่ีระดับแนวหน้าเลย ท่าจำวันที่ไม่ผิด วงนี้มาไทยเมื่อ 

8พ.ย ด้วย SUICIDE SILENCE