สเกตบอร์ด (กีฬา)
สเกตบอร์ด (
อังกฤษ:
Skateboarding) เป็นกีฬาประเภท
เอ็กซ์เกมประเภทหนึ่ง ในช่วงทศวรรษที่ 80 กีฬาสเกตบอร์ดได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย
การแข่งขันสเกตบอร์ดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เวิร์ต (Vert)
เป็นการเล่นตามแลมป์ใหญ่ ๆ และ อีกประเภทคือแบบผาดโผน จะเป็นแนวแบบสตรีท
คือแสดงโชว์ท่าทางกระโดดข้ามและผ่านสิ่งกีดขวาง ในขณะเดียวกัน
ยังต้องแสดงท่าทางต่างๆ เช่น ท่า five-o-grinds , ท่า 360's ,ท่า
fifty-fifty และอีกหลายให้เข้าตากรรมการชม
ประวัติ
เริ่มจากแถบ
แคลิฟอร์เนีย
นักเล่นเซิร์ฟได้ลองใช้ถนนที่เป็นลอน แทนคลื่นในทะเลในยามไม่มีคลื่น
ตั้งแต่ 1950 กีฬาชนิดนี้เป็นกีฬาแท้ๆ ที่นิยมกันมากของชาวอเมริกา แต่เมื่อ
อินไลน์สเกตและ BMX เป็นที่นิยมในช่วงสั้น ๆ ช่วงปลายทศวรรษที่ 50
ดนตรีและ
ภาพยนตร์เกี่ยว
กับสเกตบอร์ดเป็นตัวปลุกกระแสการออกแบบเครื่องเล่นให้เหมือนเซิร์ฟบอร์ดและ
มีการผลิตเพื่อการค้าครั้งแรกโดยโรลเลอร์ เดอร์บี้ จำหน่ายตาม
ห้างสรรพสินค้าในปี 1959
ว่ากันว่ากีฬาที่เกิดจากอุบัติเหตุเมื่อคันบังคับของรถสกูตเตอร์หักและ
เหลือแค่เพียงพื้นติดล้อเท่านั้น ในช่วง 10 ปี ของ ค.ศ. 1960
การเล่นสเกตบอร์ดถูกห้ามเล่นในหลายๆแห่ง จนกลายเป็นกีฬาใต้ดิน
ปี 1960 ได้มีการตีพิมพ์
นิตยสารเกี่ยวกับการเล่นสเก็ตฉบับแรกขึ้น รวมทั้งมีการผลิตสเก็ตบอร์ดขึ้นมา ต่อมาในปี 1963 ผู้ผลิต
สเกตบอร์ดมา
กาฮาได้จัดตั้งทีมสเก็ตบอร์ดเพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์ของตน
และได้จัดการแข่งขันสเกตบอร์ดอย่างเป็นทางการครั้งแรกได้รับความอุปถัมภ์จาก
มากาฮาในแคลิฟอร์เนีย
ในปี 1973 ได้มีการใช้วงล้อยูรีเทนในการกีฬา
ซึ่งทำให้มีความปลอดภัยและคล่องตัวกว่า สเก็ตบอร์ดมีขนาดกว้างมากขึ้น จาก
ระยะ 16 ซม.เป็นกว่า 23 ซม.เพื่อให้ความมั่นคงที่ดีกว่า ในการเล่น Vert
การเล่นสเกตบอร์ดสมัยใหม่เกิดขึ้นโดยมีการเล่นแบบต่างๆ เช่น
Slalom,ดาวน์ฮิลล์,ฟรีสไตล์
วัฒนธรรมการเล่นสเก็ตบอร์ดเริ่มรวมตัวเข้ากับพวกพังค์ และดนตรีแบบใหม่
อาร์ตเวิร์คและ
กราฟิกเริ่มมีบทบาทมากในวัฒนธรรมการเล่นสเกตบอร์ด
จนช่วงปลายปี 1970
ลานสเกตบาง
แห่งหายไปอันเนื่องจากธุรกิจตกต่ำ
การเล่นสเก็ตบอร์ดก็เริ่มตกต่ำอีกเป็นครั้งที่สอง
จนการเล่นสเกตบอร์ดก็หายจากวงการ การขี่จักรยานBMX
เข้ามาเป็นที่นิยมและนักสเกตส่วนมากก็หยุดเล่นสเก็ตลานสเก็ตก็สูญหายไปแต่มี
การสร้างฮาฟว์ไปป์ และแรมป์ยังคงพัฒนาต่อไปอย่างเงียบๆ ด้วยนักขี่จักรยาน
BMX
มีการฟื้นฟูการเล่นสเกตบอร์ดโดยใช้แรมป์ที่เป็นไม้อัด ในปี 1980
และการเล่นตามท้องถนนจึงก่อให้เกิดความพยายามในการเล่นด้วยตนเอง
นักสเกตเริ่มที่จะสร้างแรมป์สำหรับสเกตที่ทำด้วยไม้เอง
บริษัทที่เป็นของนักสเกตเริ่มสร้างอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีมาตรฐานกว่าเดิม
เพื่อใช้เล่นท่าให้ได้ดีขึ้น มีนักสเกตเป็นที่รู้จักอย่าง
โทนี ฮอว์คและ
สตีฟ แคบเบลเลอโร
มีการจัดการแข่งขันโดย The National Skateboarding Association
การเล่นสเกตบอร์ด
ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อวัฒนธรรมระหว่างประเทศเริ่มจากดนตรี
พังก์ร็อก
สเกตบอร์ด แบบ New School กำเนิดขึ้นโดยเน้นไปที่การเล่นท่าพื้นฐาน
ออลลี่ และเน้นเล่นท่าทริคต่างๆ ต่อมาการเล่นโรลเลอร์เบรดก็เป็นที่นิยม
ต่อมาในปี 1995 ESPN ได้บรรจุกีฬาประเภทนี้ในงานแข่ง Extreme Games
(ปัจจุบันคือ X Games) Skateboard เป็นหนึ่งในกีฬาหลักที่ต้องจัดในงาน X
Games ประจำปีทุกครั้ง
ปัจจุบัน มีอุตสาหกรรมเกี่ยวกับกีฬาสเกตบอร์ดมากมายเช่น นิตยาสาร
สำนักงานออกแบบสนาม ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับสเกต เป็นต้น อุปกรณ์ต่างๆ
มีขนาดต่างๆ ก็มีขนาดเพิ่ม-ลดต่างออกไป
ท่าในสเกตบอร์ด
ด้วยการพัฒนาของลานสเกตและทางลาด ตัวสเกตบอร์ดก็เริ่มจะมีการเปลี่ยนแปลง
ในช่วงแรกท่าในการเล่นจะมีลักษณะเป็นสองมิติอย่างการแล่นด้วยสองล้อ
การดีดขึ้นในช่วงสองล้อหลัง เรียกว่า "พิว็อต"
การกระโดดข้ามราวและลงมาที่บอร์ดอีกครั้ง การกระโดดในระยะยาว (เช่นถังน้ำ)
หรือ
สลาลม
ในปี 1976 การเล่นสเกตบอร์ดเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงโดยมีการคิดค้น "ออลลี่" โดย
อลัน ออลลี่ เกลแฟนด์
ซึ่งเป็นท่าที่ได้รับความนิยมในฟลอริดาในช่วงปี 1978
หลังจากที่เขาไปแคลิฟอร์เนียก่อนหน้านั้น
ท่าของเกลแฟนด์เริ่มเป็นที่นิยมในกลุ่มนักเล่นสเกตในแถบเวสต์โคสต์
ของอเมริกา และมีสื่อมวลชนได้กระจาย เผยแพร่ไปอีกจนได้รับความนิยมทั่วโลก
ออลลี่ ได้ถูกดัดแปลงท่าในการลงพื้นโดย ร็อดนีย์ มัลเลน ในปี 1982
โดยมัลเลนได้คิดท่า "คิกฟลิป" โดยในช่วงนั้นมีชื่อว่า "แมจิกฟลิป"
และจากการคิดค้นท่านี้เองทำให้นักสเกตบอร์ดสามารถเล่นสเกตได้โดยไม่ต้องใช้
อุปกรณ์อื่นนอกเหนือจากตัวสเกตบอร์ดอย่างเดียว
และได้พัฒนาสู่ท่าการเล่นอื่นตามมา